วันอังคารที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เซนเซอร์เพียโซ (Piezoelectric sensor)



เซนเซอร์เพียโซ (Piezoelectric sensor)มีใครเคยคุ้นๆหูคำๆนี้บ้างไหมคะ? บางคนอาจจะยังงงๆว่าเจ้าเซนเซอร์ตัวนี้ทำงานเกี่ยวกับอะไรกันแน่ เดี๋ยวเราจะได้มารู้กันในบทความนี้ค่ะ ^^


เซนเซอร์เพียโซสามารถนำไปใช้วัดการบิดตัว วัดการสัมผัส วัดแรงสั่นสะเทือน วันแรงดัน และวัดแรงกระแทก เนื่องจาก มีความสามารถพิเศษคือสามารถเปลี่ยนพลังงานกลให้เป็นพลังงานไฟฟ้าได้ และในทางกลับกันก็สามารถเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าให้เป็นพลังงานกลได้ด้วยเช่นกัน

เพราะฉะนั้น เซนเซอร์ตัวนี้เลยถูกนำไปใช้ในวงการต่างๆมากมาย เช่นในด้านวงการแพทย์ได้นำไปใช้ผลิตเป็นเครื่องวัดความดันลูกตา (IOP) ด้วย Sensor Piezoelectric ใช้ในการตรวจวัดความดันลูกตา (IOP) ความดันลูกตาที่เปลี่ยนแปลงตามความดันเลือด (OPA) และอัตราการเต้นของหัวใจ (H) โดยบอกคุณภาพการวัดเป็น Q1-Q5 ทำการวัดแบบไม่ต้องย้อมสี และสามารถวัดความดันลูกตาได้ทุกสภาพดวงตา โดยการสัมผัสในส่วนพื้นผิวของกระจกตาส่วนใดก็ได้


ซึ่งเจ้าเครื่องนี้มีข้อดีคือ
1. ตรวจวัดได้โดยไม่ขึ้นอยู่กับความหนา ความโค้ง และความยืดหยุ่นของกระจกตา
2. ไม่เกิดการผิดพลาดจากคนวัด

นอกจากนี้เซนเซอร์เพียโซยังถูกนำไปใช้กับเครื่องอุลตราซาวด์อีกด้วย หลักการของอุลตราซาวด์ก็คือ เมื่อให้ประจุไฟฟ้าเป็นระยะ ติดๆกัน ไปยังผลึกที่มีคุณสมบัติ Piezoelectric effect ซื่งบรรจุอยู่ในหัวตรวจ (Transducer or Probe) จะทำให้ได้อุลตราซาวด์ออกมาเป็นช่วงๆ (ultrasonic pulses) เข้าสู่ส่วนที่เรานำสัมผัส เมื่อพบรอยต่อของตัวกลาง (Interface) 2 ชนิด ทำให้เกิดการสะท้อน และการหักเห ตลอดแนวทางที่เสียงเดินผ่าน ในตัวกลางต่างชนิดกัน การเกิดการสะท้อนกลับมาสู่หัวตรวจ จะเกิดในเปอร์เซ็นต์และองศาที่แตกต่างกัน ฉะนั้นภาพที่ได้จึงปรากฏบนจอภาพให้เห็น ความแตกต่างของเนื้อเยื่อ ซึ่งเป็นตัวกลางที่เสียงเดินผ่าน จึงทำให้บอกความผิดปกติ เพื่อตรวจวินิจฉัยโรคได้

หรือเอาไปใช้ทำกางเกงไฮเทค แจ้งเตือนการหกล้มได้ เพราะเซ็นเซอร์ (sensor) ที่ติดอยู่กับกางเกงจะตรวจจับท่าเดินที่เปลี่ยนแปลงไปและส่งสัญญาณแจ้งเตือนหากมีความเสี่ยงที่จะลื่นหรือหกล้ม

Blood pressure sensors คือแผ่น piezoelectric จะรับสัญญาณของความดันโลหิตแล้วเปลี่ยนเป็นสัญญาณไฟฟ้า

ในด้านที่นำไปใช้ในการตรวจจับการสั่น ยกตัวอย่างการใช้งานคือ การใช้ตัว sensor ในการเพิ่มประสิทธิภาพกระจกหน้าร้านธรรมดาให้เป็นจอ Interactive ที่รับสัญญาณจากการเคาะ (Knock Screen) ทำให้ความสามารถในการประชาสัมพันธ์สินค้าดีมากขึ้น เมื่อลูกค้าต้องการทราบรายละเอียดของสินค้าตัวใดก็เพียงแต่ใช้โลหะ เช่น ลูกกุญแจ หรือเหรียญ เคาะกระจกตรงบริเวณสินค้าที่ต้องการทราบข้อมูล เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ตั้งอยู่หลังกระจกก็จะแสดงรายละเอียดของสินค้าขึ้นมา ซึ่งสามารถนำไปใช้ในงานด้านต่างๆได้ เช่น ห้างสรรพสินค้า , โชว์รูมต่างๆ , ร้านค้า, ร้านอาหาร และอื่นๆ แล้วแต่จะนำไปประยุกต์




สรุป
เซนเซอร์เพียโซ เป็นเซนเซอร์ที่นำไปใช้ประโยชน์ได้มากมาย เช่น การวัด การสั่นสะเทือน แรงดันหรือความดัน การตรวจจับเสียงและเสียงรบกวน ซึ่ง
เซนเซอร์ก็
มีราคาที่แตกต่างกันไปตามคุณภาพที่ต้องการ แต่ยังมีข้อเสียอยู่บ้างตรงที่เพียโซอิเล็กทริกที่ผลิตขึ้นมา ใช้ตะกั่วเป็นตัวประกอบ ซึ่งตะกั่วนั้นเป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์กำลังศึกษาหาวิธีผลิตเพียโซอิเล็กทริกไร้สารตะกั่วขึ้น แม้จะทำสำเร็จได้บ้างแล้ว แต่คุณภาพยังไม่สามารถเทียบเท่าเพียโซอิเล็กทริกที่ใช้ตะกั่วได้ หากผลิตเพียโซอิเล็กทริกไร้สารตะกั่วขึ้นได้เมื่อไหร่ก็คงจะสามารถช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมขึ้นมาได้ระดับหนึ่ง นี่เป็นตัวอย่างอีกตัวอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีมิได้มีแต่ข้อดีเสมอไป เราจึงควรเลือกใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสม และทำการพัฒนาเทคโนโลยีให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุด ก่อนที่เราจะไม่เหลืออะไรเลย...


แหล่งอ้างอิง

วันอังคารที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

นักร้องสุดที่รักของ GU!_T_@R



ชื่อ: นภัทร อินทร์ใจเอื้อ

ชื่อเล่น: กัน

วัน/เดือน/ปี: 23 ตุลาคม 2533

ภูมิลำเนาเดิม: สุพรรณบุรี

ส่วนสูง: 174 เซนติเมตร

น้ำหนัก : 62 กิโลกรัม

การศึกษา : ปี 1 คณะเศรษฐศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์

อุปนิสัย : สนุกสนาน ร่าเริง

คติประจำใจ : ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น

แนวเพลง : POP

แนวหนัง : บู๊, ผจญภัย

สถานที่เที่ยว : ธรรมชาติ ทะเล,น้ำตก, ต่างจังหวัด

อาหารโปรด : ข้าวเหนียวส้มตำ, ข้าวผัด

ศิลปินคนโปรด : อ๊อฟ-ปองศักดิ์, บอย พีซเมคเกอร์

นักแสดงที่ชื่นชอบ : ป๋อ-ณัฐวุฒิ สกิดใจ

ศิลปินที่ประทับใจ : วง MiLD

วง MiLD เป็นวงดนตรีคุณภาพที่ถือกำเนิดขึ้นโดยการรวมตัวของเด็กหนุ่ม 6 คน จากเชียงใหม่ คือ


บดินทร์ เจริญราฎร์ (เป้) - ร้องนำ
กำลังศึกษา ปี 3 คณะมนุษยศาสตร์ ภาควิชาภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

เจน มโนภินิเวศ (เต่า) - กีตาร์
กำลังศึกษา ปี 3 คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาอุตสาหการ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

พิทวัส ขุนทอง (ขุน) - เบส
กำลังศึกษา ปี 2 คณะวิทยาการการจัดการ สาขานิเทศศาสตร์ การประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่

ณธีพัฒน์ ประเสริฐมนูกิจ (ทอมท่อม) - คีย์บอร์ด
สำเร็จการศึกษาจาก คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ไพสิฐ คำกลั่น (เป้) - แซกโซโฟน
กำลังศึกษา ปี 3 คณะวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล

ธงไชย ทิมพูล (ไมค์) - มือกลอง
กำลังศึกษา ปี 2 คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาจักรกลเกษตร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่


เพลงแรกของพวกเขาที่ทำให้วง MiLD เป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศ คือเพลง "อีกนานไหม" ซึ่งเพลงนี้เป็นเพลงที่เพราะมากๆค่ะ แถมยังมีความหมายดีอีกด้วย ซึ่งเนื้อเพลงและทำนอง หนุ่มๆทั้งหก เป็นผู้เรียบเรียงและแต่งขึ้นมาเองทั้งหมดค่ะ แถมเพลงนี้ยังมี 2 เวอร์ชั่นด้วยกัน คือเวอร์ชั่นปกติ และ เปียโนเวอร์ชั่น ซึ่งก็ไพเราะทั้งคู่เลยค่ะ นอกจากนี้ วง MiLD ยังมีอัลบั้มเป็นของตัวเอง ซึ่งมีชื่ออัลบั้มชื่อเดียวกับวงคือ "MiLD" กับค่าย Nano Records เป็นมินิอัลบั้ม 6 เพลงด้วยกัน คือเพลง อีกนานไหม, Unlovable, รักล้นใจ, เสร็จ, หวานเย็น,บรรยากาศพาไป ซึ่งถ้าใครได้ลองฟังอัลบั้มนี้แล้ว รับรองว่าจะบอกว่า "เพราะทั้งอัลบั้ม ฟังได้ทุกเพลง" จริงๆค่ะ >.< ซึ่งในตอนนี้ วง MiLD ได้ออก single มาใหม่ 2 เพลงได้แก่ เพลง"ผู้ป่วยความจำเสื่อม" และเพลง "เข้าใจ...แต่ทำไม่ได้" ซึ่งกำลังฮิตติดชาร์ท โดนใจหลายๆคนอยู่ในขณะนี้ค่ะ

สาเหตุที่ชอบวงนี้ ก็เพราะว่า ประทับใจในความสามารถของพวกเขาค่ะ ทั้งแต่งเนื้อ-ทำนองเอง ร้องเองด้วย อีกทั้งผลงานยังมีคุณภาพ ไม่เหมือนศิลปินบางคน ที่ออกมาอัลบั้มนึงฟังได้อยู่ เพลงสองเพลง ใครที่ยังไม่เคยฟัง ก็ลองไปหาฟังดูนะคะ รับรองว่าจะต้องถูกใจอย่างแน่นอนค่ะ^^

ส่วนใครที่อยากจะติดตามข่าวสาร ของวง MiLD สามารถไป updateได้ที่เว็บด้านล่างต่อไปนี้ค่า

สุดท้ายนี้ ก็ขอลากันด้วยเพลงใหม่ล่าสุดของวง MiLD นะคะ คือเพลง เข้าใจ...แต่ทำไม่ได้ ค่ะ^^


ภาพยนตร์ที่ประทับใจ : The Day After Tomorrow


"The Day After Tomorrow" หรือชื่่อในแบบพี่ไทยเรียกว่า "วิกฤติวันสิ้นโลก" ของผู้กำกับโรแลนด์ เอ็มเมอริค เป็นหนังที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับภัยพิบัติของโลกที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้า ซึ่งหนังเรื่องนี้จัดได้ว่าเป็นหนังที่ค่อนข้างเก่าเพราะออกฉายตั้งแต่ปี 2004 แล้วค่ะ แต่ไม่ว่าจะหยิบมาดูทีไรก็ยังสามารถสร้างความสนุกสนาน เพลิดเพลิน ตื่นตาตื่นใจไปกับฉากอันแสนอลังการและสมจริงไปทุกครั้ง ต้องยอมรับว่าทีมงานสร้างหนังเรื่องนี้ทำออกมาได้ลงทุนและดีมากๆเลยทีเดียว (ไม่ได้เว่อร์นะคะ ฮ่าๆๆๆ) โดยส่วนตัวเป็นคนชอบหนังประเภทภัยพิบัติ หรือออกแนววิทยาศาสตร์ SCI-FI อยู่แล้วค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Independence Day (ID4) สงครามวันดับโลก เรื่องนี้เก่ามากๆ ตั้งแต่ปี 1996 ปีนี้ 2010 ก็ 14 ปีมาแล้วค่ะ *0*


Armageddon วันโลกาวินาศ


หรือจะเป็นหนังเรื่อง 2010 วันสิ้นโลก ที่เข้าฉายไปเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งสามารถทำรายได้ได้อย่างถล่มถลายกันเลยทีเดียว หนังประเภทนี้ส่วนใหญ่จะมีฉากลงทุนหลายฉาก ดูแล้วคุ้มค่ะ ฮ่าๆๆๆ


เอาล่ะค่ะ กลับมาที่เรื่อง "The Day After Tomorrow" กันต่อดีกว่าค่ะ หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ แจ็ค ฮอลล์ (เดนนิส เควด) ผู้เป็นนักกาลวิทยา ผลที่ได้จากการค้นคว้าของฮอลล์ระบุว่า สภาวะโลกร้อนอาจเป็นชนวนหายนะแห่งการเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหันของภูมิอากาศโลก แกนน้ำแข็งที่เขาทำการเจาะในทวีปแอนตาร์กติกาบ่งว่ามันเคยเกิดขึ้นมาแล้ว เมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน และในตอนนี้เขาได้ส่งคำเตือนไปยังหน่วยราชการ ว่ามันอาจเกิดขึ้นอีกครั้งหากไม่มีการดำเนินการโดยทันที แต่คำเตือนของเขามาถึงช้าเกินไป


ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นเมื่อฮอลล์ได้เจอกับก้อนน้ำแข็งที่มีขนาดใหญ่พอๆ กับรัฐโร้ดไอส์แลนด์ ซึ่งแตกออกมาจากภูเขาน้ำแข็งในขั้วโลกใต้ และจากนั้นคือปรากฏการณ์การเปลี่ยนแปลงของอากาศอย่างรุนแรง ซึ่งเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องไปทั่วโลก ลูกเห็บขนาดใหญ่เท่าผลส้มโอตกกระหน่ำเมืองโตเกียว ลมพายุเฮอริเคนรุนแรงชนิดทำลายสถิติพัดเข้าสู่ฮาวาย หิมะตกที่เมืองนิวเดลี และจากนั้นพายุทอร์นาโดหลายลูกก็เข้ากวาดเมืองลอสแอนเจลิส


โทรศัพท์ที่เขาได้รับจากศาสตราจารย์แร็พสัน (เอียน โฮล์ม) เพื่อนร่วมงานในสก็อตแลนด์ ยืนยันให้กับความกลัวที่ร้ายแรงที่สุดของแจ็ค สภาวะอากาศรุนแรงเหล่านี้เป็นเครื่องบ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทั่วโลก น้ำแข็งที่ปกคลุมบนขั้วโลกได้ละลายและทำให้น้ำไหลทะลักลงสู่มหาสมุทร และรบกวนกระแสคลื่นซึ่งเป็นตัวสร้างสมดุลย์ของระบบภูมิอากาศของเรา สภาวะโลกร้อนได้ผลักดันให้โลกเฉียดเข้าไปใกล้กับยุคน้ำแข็งครั้งใหม่ และมันจะเกิดขึ้นในระหว่างที่พายุมหึมาลูกหนึ่งถล่มไปทั่วโลก


ในขณะที่แจ็คเตือนทำเนียบขาวเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศที่กำลังคุกคามโลกนั้น แซม (เจค กิลเลนฮาล) ลูกชายวัย 17 ของเขาก็ติดอยู่ในนิวยอร์ก ซิตี้ ในระหว่างที่เขาและเพื่อนๆ ไปร่วมแข่งขันด้านวิชาการระดับมัธยม และตอนนี้เขาต้องเผชิญกับอุทกภัยร้ายแรงและอุณหภูมิที่กำลังดิ่งลงอย่างรวดเร็วในแมนฮัตตัน ต่อมาเมื่อได้ถูกอพยพเข้าไปอยู่ในหอสมุดสาธารณะแห่งแมนฮัตตัน แซมจึงสามารถติดต่อกับพ่อของเขาได้ทางโทรศัพท์ แจ็คมีเวลาที่จะเตือนลูกเพียงข้อเดียวเท่านั้น จงอยู่แต่ในอาคารไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น



ในขณะที่การอพยพประชากรครั้งใหญ่เพื่อมุ่งหน้าลงใต้เริ่มขึ้นนั้น แจ็คก็เดินทางขึ้นเหนือสู่นิวยอร์ค ซิตี้ เพื่อช่วยแซม แต่แม้แต่แจ็คก็ไม่ได้เตรียมตัวที่จะเผชิญกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับตัวเอง กับลูกชายของเขา และกับโลกของเขา...


เนื้อเรื่องค่อนข้างน้ำเน่า พล็อตไม่ต่างอะไรจากเดิมมากนัก ทำให้พอจะเดาตอนจบออกได้ว่าสุดท้ายจะลงเอยแบบไหน คือตัวเอกของเรื่องตกอยู่ในสภาวะอันตราย เผชิญกับเหตุการณ์ที่น่ากลัวต่างๆ มีเหตุการณ์ที่ทำให้คนในครอบครัว ซึ่งในที่นี้ก็คือพ่อกับลูกซึ่งในตอนแรกไม่เข้าใจกันเห็นถึงความรักความห่วงใย และเข้าใจกันในที่สุด^^ แต่อย่างที่บอกค่ะ ว่าสาเหตุที่ประทับใจหนังเรื่องนี้เป็นเพราะฉาก และความสมจริง และจริงๆหนังเรื่องนี้ยังช่วยสะท้อนแง่คิดดีๆให้กับคนดูหลายอย่างเช่น หนังได้นำเสนอถึงสาเหตุของปัญหาการเกิดภาวะโลกร้อน ที่ทำให้เกิดภัยพิบัติต่างๆตามมาก็คือมนุษย์เรานี่เองที่มีความโลภ และใช้ทรัพยากรธรรมชาติจนเกินความพอดี ทำให้ช่วยตระหนักและหันกลับมารักษาทรัพยากรธรรมชาติกันมากขึ้น หรือจะเป็นข้อคิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ ความรัก - จงทำดีกับคนที่คุณรักก่อนที่จะสายเกินไป

เอาล่ะค่ะ สุดท้ายนี้ก่อนจะจากกันไป ขอทิ้งท้ายด้วยตัวอย่างหนัง "The Day After Tomorrow" ไว้ก็แล้วกันนะคะ^^ รับรองว่าสนุกแน่นอนค่าาา


ขอขอบคุณเนื้อหาจาก

วันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ศิลปินของPING

ศิลปินที่ประทับใจ

ซูฉี

ศิลปินที่ผมได้เลือกคือนักแสดงสาว ซูฉีเธอมีความพยายามมากในการที่จะไปให้ถึงความฝันของตัวเอง ซูฉีเธอเป็นนักแสดงอันดับต้นๆของเอเชียเธอใช้ชื่ออังกฤษว่า Fanny ตั้งแต่เด็กเธอมีความใฝ่ฝันอยากจะเป็นดาราและก็ด้วยความอุตสาหะที่อยากจะเป็นให้ได้และเพื่อเพิ่มจุดสนใจ เธอก็เริ่มถ่ายภาพนู๊ดลงในนิตยสารหลายๆฉบับรวมทั้งอัลบัมรูปด้วย และนั้นก้อทำให้โอกาสของเธอมาถึงเมื่อผู้สร้างหนังชาวฮ่องกง แมนเฟร็ด หว่อง (ต่อมาได้กลายมาเป็นผู้จัดการของเธอ) เห็นภาพของ ซูฉีในอัลบัมรูปนู๊ดของเธอ เขาเรียกเธอให้มาทดสอบบทในหนังเรื่องแรกที่ชื่อว่า Sex and Zen 2 ในปี พ.ศ. 2540นี้เป็นหนังเรื่องแรกขแงเธอก็ว่าได้ หนังเรื่องนี้นำเสนอฉากนู๊ดไว้หลายฉากแต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ยกเว้นแต่ว่ามันได้เบิกทางสู่อาชีพนักแสดงให้กับเธอโดยสิ้นเชิง ความโด่งดังของเธอเริ่มขึ้นในหนังเรื่อง Viva Erotica ซึ่งทำให้คนดูประหลาดใจไปกับเรื่องราวที่มีแง่คิดลึกซึ้งและการแสดงของเธอก็ทำให้ทุกๆคนก็เริ่มจะจดจำเธอได้เมื่อหนังเรื่องนี้เข้าชิงรางวัลภาพยนตร์ Honk Kong Film Awards ใน ปี พ.ศ. 2541 ด้วยการเสนอชื่อเข้าชิงถึงแปดรางวัล สองรางวัลของ ซูฉี และเธอก็คว้ารางวัลมาได้ทั้งสองรางวัลในสาขานักแสดงหน้าใหม่ยอดเยี่ยมและดาราสมทบยอดเยี่ยม ซึ่งเธอรับรางวัลไปพร้อมกับน้ำตาแห่งความปิติ หลายปีต่อมาเธอก็มีผลงานในฐานะนักแสดงหญิงกับหนังที่มีมากกว่า 40 เรื่องตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2540 จนถึงปัจจุบัน ทำให้เธอกลายเป็นซุปเปอร์สตาร์อย่างแท้จริง เธอปรากฏตัวไปทั่วเอเชียไม่ว่าจะเป็นโฆษณาสินค้า มิวสิกวีดีโอ นิตยสาร และอีกมากมาย

ข้อมูลทั่วไป
การศึกษา : มัธยมปลาย
รักครั้งแรก : 16 ปี
จูบครั้งแรก : 16 ปี
งานแรกในวงการ : นางแบบ
ภาพยนตร์เรื่องแรก : Sex and Zen II (玉圃团)
ส่วนที่ชอบที่สุดในร่างกาย : ทุกส่วน
ครอบครัว : พ่อ (ข้าราชการ) แม่ (แม่บ้าน) น้องชาย (กำลังเรียน)

รางวัล
1.รางวัลม้าทองคำในสาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมและสาขานักแสดงหญิงดาวรุ่งดวงใหม่ จากภาพยนตร์เรื่อง Viva Erotica (1996)
2.รางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมจากภาพยนตร์เรื่อง Portland Street Blues (1998)
3.รางวัล Golden Horse Award และ Hong Kong Film Award ในปี พ.ศ. 2541 และ 2542

เห็นไหมครับว่าผู้หญิงตัวเล็กที่มีความฝันตั้งแต่ยังเด็ก แล้วก็ที่พยายามเข้าหาความฝันของตัวเองทีล่ะเก้าทีล่ะเก้าต้องใช้ความพยายามมากขนาดไหมกว่าที่จะได้ไปถึงจุดหมายของความฝันของตนเอง แล้วผู้อ่านล่ะครับมีความฝันของตัวเองหรือยัง ? แล้วพยามยามทีจะเข้าใกล้ความฝันของตัวเองทีล่ะเก้าหรือนักแสดงหญิงคนนี้บ้างหรือเปล่าครับ ผู้เขียนหวังว่าบทความนี้ทำให้ผู้อ่านทุกท่านหาความฝันของตัวเองให้เจอและพยายามที่จะเข้าใกล้ความฝันนั้นให้มากที่สุดครับ

แหล่งอ้างอิง

http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9480000070261
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%8B%E0%B8%B9%E0%B8%89%E0%B8%B5#.E0.B8.9B.E0.B8.A3.E0.B8.B0.E0.B8.A7.E0.B8.B1.E0.B8.95.E0.B8.B4

ภาพยนตร์ของPING

ภาพยนตร์ที่ประทับใจ


so-close

หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องที่นานมากแล้วแต่ผมดูกี่ทีก็ยังสนุกอยู่มีการถ่ายทำที่เมืองไทยด้วยน่ะครับแต่ฉากไหนนั้นต้องหาดูเอาเอง นอกจากนี้ยังเป็นหนังที่มีบทบู๊มากและคนที่เล่นบทบู๊ในเรื่องนี้ส่วนมากจะเป็นผู้หญิงทำให้เห็นถึงความกล้าหาญที่จะต่อสู้ของตัวผู้หญิงออกมาผมจึงอยากแนะนำหนังเรื่องนี้ให้ผู้อ่านทุกท่านได้ดูกันครับไม่เพียงเท่านี้ในหนังจะมีความรักและพี่กับน้องและตวามรักของคนที่ต้องรอที่เรารักตลอดไปทั้งๆที่รู้ว่าเขาไม่มีวนจะกลับมาได้อีกแล้ว......


ข้องมูลทั่วไป

ชื่ออื่นๆ : Virtual Twilight
ชื่อไทย : 3 พยัคฆ์สาว มหาประลัย
ผู้กำกับ : คอรี่ย์ หยวน
ผู้แต่ง : เจฟฟรีย์ หลิว
วันเข้าฉาย : 07/02/2003
ประเภท : Action, Crime, Drama, Sci-Fi
ความยาว : 110 นาที
เรท : เรท R
สถานที่ถ่ายทำ : China ,Hong Kong ,Thailand

เนื้อเรื่องย่อ

บริษัทคอมพิวเตอร์ยักษ์ใหญ่ ของสองพี่น้องโจวนันและโจวลุ่ย กำลังเผชิญหน้ากับวิกฤตการณ์สาหัส เมื่อไวรัสชนิดหนึ่ง เกิดแพร่กระจายเข้าไปในเน็ตเวิร์กคอมพิวเตอร์ ของพวกเขาอย่างรวดเร็ว ในวินาทีสุดท้าย เพื่อนทางไซเบอร์คนหนึ่งมาถึง เพื่อร่วมต่อสู้ในสงครามครั้งนี้ “แองเจิลด็อตคอม” ผู้ลึกลับทำการต่อสู้กับไวรัส และกู้บริษัทไว้ได้ ต่อมา แองเจิลด็อตคอมได้รับคำเชิญจากโจวลุ่ย ให้เดินทางมาพบเขาเป็นการส่วนตัว และเธอเดินทางมาถึง โดยปรากฎโฉมเป็นสาวสวยที่ชื่อว่า ลินน์ (ซูฉี) แต่กลับกลายเป็นว่า ลินน์คือมือสังหารอาชีพ ที่มีเครื่องไม้เครื่องมือไฮเทค และมีฝีมือทางด้านกังฟูสูงส่ง เธอฆ่าโจวลุ่ยด้วยยาพิษไซยาไนด์ ที่ซ่อนเอาไว้ในแว่นตากันแดด ลินน์ได้รับความช่วยเหลือจาก ซู (จ้าวเว่ย) น้องสาวของเธอ ผู้ควบคุมระบบสอดแนมที่ชื่อว่า เวิร์ลพาโนราม่า มันคือระบบที่ทำให้พวกเธอ สามารถเจาะเข้าสู่ระบบวิดีโอวงจรปิด ทุกระบบในโลก ตำรวจสาว กงหยาตหง (คาเรน ม็อก) กับ มาร์ก (ไมเคิล เว่ย) คู่หูของเธอ เป็นผู้รับผิดชอบคดีนี้ หงเป็นคนฉลาด เธอรู้สึกได้ทันทีว่า เธอกำลังเผชิญหน้ากับฆาตกร ที่มีความสามารถพิเศษหลายด้าน เมื่อรู้ตัวว่าเจอคู่ปรับมีฝีมือเข้าแล้ว ลินน์และซูเอง ก็รู้สึกทึ่งในตัวหงไม่ต่างกัน ลินน์หนีไปอยู่กับ หยาน (ซุงฮอนซอง) ลูกพี่ลูกน้องของเพื่อนเก่าที่เสียชีวิตไปแล้ว ในอดีต ลินน์กับหยานเคยชอบกัน ถึงตอนนี้ ความรักของทั้งคู่พลิกฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง และนั่นก็ทำให้ลินน์เริ่มสงสัยว่า เธอยังอยากจะเป็นมือสังหารต่อไปหรือไม่ โจวนันคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังการตายของพี่ชายของเขา เขาจ้างแองเจิลด็อตคอมมาเพื่อสังหารลุ่ย เพราะลุ่ยไม่เห็นด้วยกับแผนการธุรกิจของเขา และยังเป็นเพราะ นันได้แอบมีสัมพันธ์ลับอยู่กับภรรยาของลุ่ย แต่เมื่อการสืบคดีของหง เริ่มเบนเป้ามาหาตัวนัน นันเริ่มเป็นห่วง และตัดสินใจจ้างแองเจิลด็อตคอมให้ทำงานอีกครั้ง โดยนันวางแผนซ้อนแผนพวกแองเจิลด็อตคอม โดยคิดจะเก็บพวกเธอ เพื่อไม่ให้ตำรวจคลำหลักฐานกลับมาหาตัวเองได้ หยานสารภาพกับลินน์ว่าเขารักเธอ ต้องการแต่งงานกับเธอ หลังจากต้องใช้ฝีมือในการต่อสู้กับพวกโจร ลินน์ต้องบอกความจริงกับหยาน ถึงประวัติของครอบครัวเธอ พ่อของเธอคือผู้สร้างระบบเวิร์ลพาโนราม่า ซึ่งเป็นระบบที่สร้างขึ้นเพื่อผู้นำประเทศ แต่ระบบนี้กลับถูกปฏิเสธ แต่แล้วเรื่องของระบบนี้กลับรั่วไหล จนรู้ไปถึงกลุ่มใต้ดิน และ ทำให้พ่อแม่ของพวกเธอ โดนฆ่าตายอย่างเหี้ยมโหดต่อหน้าลูกๆ โดยคนฆ่าได้ขโมยเอาผลงานสร้างสรรค์ของพ่อของเธอไปด้วย เมื่อต้องสูญเสียพ่อแม่ และกฎหมายไม่อาจทวงความยุติธรรมให้กับพวกเธอได้ สองพี่น้องจึงหันไปทำงานเป็นมือสังหารอาชีพ และรับจ้างคนในแวดวงอาชญากรรม สังหารพวกอาชญากรด้วยกันเอง ลินน์บอกซูว่า เธอต้องการเลิกใช้ชีวิตแบบผิดกฎหมาย และแต่งงานกับหยาน เธอจะไม่รับคำสั่งของโจวนัน เพื่อลงมือสังหารงานที่สอง แต่ซู ซึ่งทั้งโกรธ และรู้สึกเหมือนโดนทอดทิ้ง ตัดสินใจที่จะรับงานสังหารครั้งนี้เพียงลำพัง ลินน์รู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น และรีบเดินทางไปช่วยซู ผู้มีความสามารถไม่พอที่จะลงมือเสี่ยงภัยครั้งนี้ พวกเธอโดนคนของโจวนันจู่โจม แต่สามารถหลบหนีมาได้ ต่อมา หงตามรอยซูจนเจอ และตามไล่เธอไปตามถนน ลินน์ ซึ่งควบคุมระบบเวิร์ลพาโนราม่าอยู่ เป็นผู้นำทางหลบหนีให้กับซู แต่คนของโจวนันบุกเข้าโจมตีลินน์ ระหว่างการไล่ล่าพอดี เธอต่อสู้กับพวกนั้นอย่างกล้าหาญ เพื่อช่วยชีวิตซู แต่ในที่สุด ลินน์ก็โดนฆ่าตาย คนของโจวนันจัดฉากเพื่อโยนความผิดให้กับหง และดูเหมือพวกนั้นต้องการจะเก็บ ทั้งหงและแองเจิลด็อตคอม ถึงตอนนี้ มือสังหารและตำรวจต้องร่วมมือกัน ซูต้องการแก้แค้นแทนพี่สาวของเธอ ในขณะที่หงก็จะสามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง ในการเผชิญหน้าอันน่าตื่นตา ที่สำนักงานใหญ่ของโจวนัน

ค่ายผู้ผลิต
1. Columbia Pictures
ค่ายหนัง
1. Columbia Tristar [Thailand]

วันศุกร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ภาพยนตร์ในดวงใจ


ต่อไปก็จะขอแนะนำภาพยนตร์ ที่ผมเคยดู เรื่องหนึ่งครับ เป็นเรื่องที่ผมชอบมากด้วยคือเรื่อง if only ชื่อภาษาไทยคือขอสักครั้ง เอ่ยคําว่ารัก ตอนแรกก็ไม่เคยรู้จัก และก็ไม่ค่อยชอบดูภาพยนตร์แนวโรแมนติกนี้เท่าไหร่นัก แต่บังเอิญมีคนแนะนำให้ไปดู ก็เลยไปหามาดู ปรากฏว่ามันเป็นอะไรที่ ซึ้งมากเป็นเรื่องเกี่ยวกับ คู่รักคู่หนึ่ง แฟนหนุ่มชาวอังกฤษ แต่ดูเหมือนเขาสนใจอยู่กับแต่กับงานของเขา จนลืมที่จะใส่ใจในอารมณ์และความรู้สึกของแฟนสาวที่แสนห่วงใย แต่วันหนึ่งเขากลับล่วงรู้อนาคตว่าจะต้องสูญเสียคนที่รักไป อย่างไม่มีวันกลับ ถ้าเป็นคุณจะบอกรักเธอในวันนี้ไหม? คุณจะทำอย่างไรกับเวลา1วันที่เหลือ? เขาพยายามรั้งสุดชีวิตไม่ให้ทุกอย่างเป็นเหมือนลางบอกเหตุในฝัน ยอมทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้คนรัก ต้องจากกันไป เขาจึงได้เรียนรู้ถึงความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองที่มีต่อแฟนสาว ทุกคำพูดที่ไม่เคยเอ่ย กลับพรั่งพรู เพียงต้องการให้เธอรู้ว่าฉันรักเธอขนาดไหน ทุกการกระทำที่ห่วงใย เพียงต้องการให้เธอรู้ว่าฉันแคร์เธอเสมอ... อยากขอบคุณที่สอนให้ฉันได้เรียนรู้ว่ารักแท้คืออะไร และการ"ถูกรัก"นั้นช่างอบอุ่นแค่ไหน แม้เธอจะไม่อยู่ตรงนี้ก็ตาม..

หากเพียง... เขาได้เอ่ยคำบอกความรู้สึก
หากเพียง... เขาได้โอกาสที่จะใช้วันเวลาสุดท้ายนั้นอีกครั้งหนึ่ง แล้วทำให้ทุกอย่างดีที่สุด
หากเพียงแต่... เขาได้เธอกลับคืนมา

หากคุณเคยทำผิดพลาด... หากคุณเคยขอโอกาสอีกครั้ง... คุณจะทำอย่างไรให้รักนั้นกลับมา ?



ข้อมูลภาพยนตร์

นำแสดงโดย

ผู้กำกับ Gil Junger

ผู้แต่ง Christina Welsh

วันเข้าฉาย 25/11/2004


แหล่งข้อมูล

ศิลปินที่ชื่นชอบ


สวัสดีครับนักอ่านทุกท่าน วันนี้ผมก็จะขอแนะนำศิลปินในดวงใจของผมซึ่งก็คือ อ๊อฟ ปองศักดิ์ นั่นเองคับ เอาเป็นว่าไปดูเรื่องราวเกี่ยวกับตัวเค้ากันเลยดีกว่าคับ

อ๊อฟ - ปองศักดิ์ รัตนพงษ์ เกิดวันที่ 22มีนาคม พ.ศ. 2528 เรียนระดับประถมศึกษา ที่ โรงเรียนเทพสัมฤทธิ์วิทยา และจบการศึกษาระดับมัธยมปลาย จากจังหวัดเชียงใหม่ อ๊อฟเริ่มประกวดร้องเพลงตั้งแต่ 9 ขวบ เก็บเกี่ยวประสบการณ์จากเวทีต่าง ๆ และ เคย ได้รางวัลวงดนตรีดีเด่น และป็อปปูลาร์โหวต เขาได้รับแรงบันดาลใจในการร้องเพลงจากพี่สาวผู้เคยอยู่ใน KU Band

กลางปี พ.ศ. 2547 อ๊อฟได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 12 นักล่าฝัน ในโครงการ ยูบีซี อะคาเดมี่ แฟนเทเชีย ปี 1 ซึ่งมีรูปแบบเป็นรายการ เรียลริตี้โชว์ ที่ผู้ชมสามารถชมชีวิตนักล่าฝันได้ตลอด 24 ชั่วโมง และสามารถร่วมโหวตให้กับเหล่าบรรดานักล่าฝัน เพื่อให้สามารถอยู่ในโครงการได้จบครบจำนวน 9 สัปดาห์์ ซึ่งอ๊อฟก็แสดงความสามารถจนชนะใจแฟน ๆ โหวตให้อ๊อฟอยู่ถึงนัดชิงชนะเลิศ และได้ตำแหน่งรองอันดับ 2 ไปครอง ภายหลังจากความสำเร็จของรายการ ยูบีซี อะคาเดมี่ แฟนเทเชีย ปี 1 บริษัท ยูบีซี จึงเซ็นสัญญา มอบหมายให้ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ บริหารนักล่าฝันทั้ง 11 คน และได้ออกอัลบั้มเดี่ยวพร้อมๆ กับเพื่อนกลุ่ม V friends ซึ่งประกอบไปด้วย อ๊อฟ -วิทย์ -จีน -ซีแนม -ปอ -น้ำตาล เมื่อ 14 ธันวาคม 2547

อัลบั้มแรกของอ๊อฟ ใช้ชื่อว่า AOF : V Friends เพลง จากคนรักเก่าและ “Would U Please” เป็นเพลงสร้างชื่อให้อ๊อฟ ในฐานะศิลปินหน้าใหม่ ส่งผลทำให้อ๊อฟได้รับรางวัล ศิลปินหน้าใหม่ยอดนิยม แชนแนลวีไทยแลนด์ ครั้งที่ 4 เมื่อ 17 พฤษภาคม 2548 นอกจากนี้ยังมีผลงานอีกมากมายที่เป็นที่นิยมซึ่งทำให้เค้าได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล และได้รับรางวัลอีกมากมาย ดังนี้

  • พ.ศ. 2547 - รางวัล รองชนะเลิศอันดับ 2 จากการประกวด UBC Academy Fantasia Season 1
  • พ.ศ. 2548 - รางวัล ศิลปินหน้าใหม่ยอดนิยม จาก Channel [V] Thailand Music Video Awards ครั้งที่ 4 ปี 2005
  • พ.ศ. 2548 - รางวัล Teen Choice's Awards ปี 2005 จากนิตยสาร Seventeen
  • พ.ศ. 2548 - รางวัล เพลงยอดนิยม Chart Hitz 40 Bangkok ปี 2005 เพลง จากคนรักเก่า จากคลื่น Virgin Hitz 95.5
  • พ.ศ. 2549 - รางวัล เพลงยอดนิยม Chart Hitz 40 Bangkok ปี 2006 เพลง หยุดไมได้...ขาดใจ, คำถามที่ต้องตอบ, Destiny จากคลื่น Virgin Hitz 95.5
  • พ.ศ. 2550 - รางวัล บุคคลดีเด่นด้านสังคม จากสภากาชาดไทย
  • พ.ศ. 2550 - รางวัล เพลงยอดนิยม Chart Hitz 40 Bangkok ปี 2007 เพลง แทงข้างหลัง ทะลุถึงหัวใจ, ของที่เธอไม่รัก จากคลื่น Virgin Hitz 95.5
  • พ.ศ. 2550 - รางวัล Seed of the month ประจำเดือน สิงหาคม ปี 2007 จากคลื่น Seed 97.5
  • พ.ศ. 2552 - รางวัล เพลงรักแห่งปี in Young Generation Choice ปี 2008 เพลง จุดอ่อนของฉันอยู่ที่หัวใจ จากนิตยสาร in
  • พ.ศ. 2552 - รางวัล เจ้าพ่อร้องเพลงประกอบละคร ขวัญใจ Oho ปี 2008 จากนิตยสาร Oho
  • พ.ศ. 2552 - รางวัล นักร้องชายยอดนิยม Soizaa Awards ปี 2008
  • พ.ศ. 2552 - รางวัล นักร้องที่มีพัฒนาการดีเด่น Soizaa Awards ปี 2008
  • พ.ศ. 2552 - รางวัล ชุดคอนเซ็บต์ยอดเยี่ยม Together : Peck - Aof - Ice จากนิตยสาร Humberger Awards ปี 2008
  • พ.ศ. 2552 - รางวัล โปรดิวเซอร์ยอดเยี่ยม อภิไชย เย็นพูนสุข : อัลบั้ม This is...Aof จาก Season Awards ปี 2008
  • พ.ศ. 2552 - รางวัล เพลงประกอบละครยอดเยี่ยม ทีวี 3 อวอร์ด ครั้งที่ 2 ปี 2009 เพลง จุดอ่อนของฉันอยู่ที่หัวใจ จากเรื่อง สวรรค์เบี่ยง
  • พ.ศ. 2552 - รางวัล ศิลปินชายยอดเยี่ยมสุดซี้ด Seed Awards [17] ครั้งที่ 4 ปี 2008 จากคลื่น Seed 97.5
  • พ.ศ. 2552 - รางวัล เพลงยอดนิยมสุดซี้ด Seed Awards ครั้งที่ 4 ปี 2008 จากคลื่น Seed 97.5 เพลง จุดอ่อนของฉันอยู่ที่หัวใจ
  • พ.ศ. 2552 - รางวัล นักร้องชายยอดนิยม จาก Star Entertainment Awards ปี 2008

นอกจากนี้ผลงานของอ๊อฟ ก็ยังมีอีกมากมายทั้ง ผลงานเพลง คอนเสิร์ต ภาพยนตร์ งานพิธีกร ดีเจ ถ่ายแบบ และพรีเซนเตอร์ ซึ่งมีมากจนเอามาลงก็คงนับกันไม่ไหว เลยทีเดียว ซึ่งส่วนตัวผม ชอบที่เค้ามีความสามารถในการร้องเพลงที่ใช้เสียงที่เป็นเอกลักษณ์ มีลูกเล่น ทำให้เพลงที่ซึ้งก็ซึ้ง กินใจ เพลงสนุกก็ฟังแล้วสนุกจริงๆ ส่วนใครที่ชอบและอยากติดตามผลงานของอ๊อฟก็สามารถเข้าไปที่เวบไซต์ตามที่อยู่นี้ได้เลยคับ